ในช่วงปี ค.ศ. 2000
เทอมสุดท้ายที่มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ผมได้ลงทะเบียนเรียนในวิชา "
อนาคตของคอมพิวเตอร์ " (Future of
Computers) ที่สอนโดย ดร. คาเรน ไพรท (Dr. Karen Price) โดยได้มอบหมายให้นักศึกษาอ่านหนังสือประกอบเป็นจำนวนมาก
แต่หนังสือเล่มหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นให้ผมคิดถึงอนาคตของคอมพิวเตอร์เป็นอย่างยิ่ง
คือหนังสือของ โดนัล นอร์แมน (Donald
Norman) ชื่อว่า "The Invisible Computer: Why Good Products can Fail, the Personal
Computer is So Complex, and Information Appliances are the Solutions" หรือ
"คอมพิวเตอร์ที่มองไม่เห็น"
ถึงแม้เนื้อหาของหนังสือเล่มดังกล่าวจะน่าสนใจและมีเหตุมีผล
แต่ยากนักที่จะเชื่อว่าคอมพิวเตอร์จะเข้าสู่ยุค "ที่มองไม่เห็น"
ในเวลาอันใกล้ เมื่อมองจากช่วงเวลาที่พัฒนาการด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มีการเจริญเติบโตเร็วที่สุด
เมื่อมองเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในช่วงปี
ค.ศ. 2000 พบว่า คอมพิวเตอร์ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์
มนุษย์เปิดกว้างที่จะเข้าใจและยอมเดินตามเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์อย่างไร้การต่อรอง
ศัพท์เทคนิคทางด้านคอมพิวเตอร์หลายคำกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของการสนทนาทั่วไป
บุคคลหรือนักธุรกิจทิ้งคอมพิวเตอร์เก่าเพื่อแลกมาซึ่งคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ในเวลาไม่กี่เดือนเพื่อให้ทันเทคโนโลยี
ทั้ง ๆ ที่คอมพิวเตอร์เครื่องเก่านั้นเองก็สามารถใช้ทำงานที่ต้องการได้เป็นอย่างดี
ตู้ประมวลผล (CPU) และ
จอแสดงผล (Monitors) มีให้เห็นอยู่ทุกที่อย่างช่วยไม่ได้โดยไม่มีใครคำนึงถึงความสวยงามของสถานที่มากนัก
สิ่งที่กล่าวมาคือสัญญานของการปฏิสัมพันธ์กับเทคโนโลยีในรูปแบบ "Technology Driven" หรือ
การที่เทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อนพัฒนาการ ซึ่งเทคโนโลยีทางด้านคอมพิวเตอร์
ในช่วงเวลาดังกล่าว ถือว่าเป็นการขับเคลื่อนที่รวดเร็ว มากมาย
และเป็นที่ยอมรับอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์
จะมีใครเชื่อว่าในอนาคตอีกไม่กี่ปีต่อมาคอมพิวเตอร์จะค่อยๆเปลี่ยนจาก "Technology Driven" มาเป็น
"Consumer Driven" ดังเช่นปัจจุบัน
โลกปัจจุบันปี ค.ศ. 2012 หรือ
พ.ศ. 2555 ช่วงเวลาที่อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่เราเคยรู้จักมีให้เห็นน้อยลง
แต่แทนที่ด้วยอุปกรณ์ใหม่ที่เน้นความสวยงามและเหมาะกับสภาพแวดล้อม
การสนทนาที่เคยเน้นประสิทธิภาพของเครื่องคอมพิวเตอร์ก็ถูกแทนที่ด้วยการพูดคุยเกี่ยวกับการต่อเชื่อมอินเทอร์เน็ตและการใช้งานเฉพาะด้าน
งานที่ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เป็นส่วนที่จัดการก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของความสามารถที่เพิ่มขึ้นของอุปกรณ์อื่นๆ
(เช่นการจัดการสื่อเสียง ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว
ที่ปัจจุบันเป็นมาตรฐานของเครื่องเสียงรถยนต์ เราควรเปลี่ยนจากการเรียก
"เครื่องเสียง" เป็น "ระบบจัดการสื่อในรถยนต์"
จะเหมาะกว่าไหม) และดูเหมือนสมาร์ทโฟน (Smart Phone) และแท็บเล็ต(Tablet) จะเริ่มเข้ามาแทนความสำคัญของคอมพิวเตอร์ที่เราเคยรู้จัก
เมื่อเทคโนโลยีการเชื่อมต่อข้อมูลผ่านทางอากาศดังเช่นเทคโนโลยีที่เรียกว่า "Cloud Computing" หรือ
"เครือข่ายข้อมูลกลุ่มเมฆ" ได้ถูกพัฒนาอย่างเต็มที่
คอมพิวเตอร์ที่เคยเป็นสิ่งที่จับต้องได้ก็จะกลายเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ในทันที
ผมคาดว่าเราจะเห็นคอมพิวเตอร์ที่เราคุ้นเคยแต่ในอดีตน้อยลงจนแทบจะไม่เห็นอีกเลย
ในยุคนี้ มนุษย์ไม่ได้เดินตามการพัฒนาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ดังที่ผ่านมาอีกต่อไป
แต่เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์กำลังปรับตัวเองตามความต้องการของมนุษย์
สมาร์ทโฟนอาจไม่สามารถทำงานได้หลากหลายเท่าคอมพิวเตอร์ในอดีต
แต่ก็สามารถทำงานได้เพียงพอสำหรับความต้องการของมนุษย์และง่ายต่อการใช้งาน
เพราะการใช้งานจะถูกจำกัดให้ใช้งานเฉพาะทาง
ดูเหมือนในที่สุดพัฒนาการทางเทคโนโลยีจะต้องเปิดทางให้ความต้องการที่แท้จริงของมนุษย์ที่ต้องการสิ่งที่มีประสิทธิภาพและใช้งานได้ง่ายไม่ว่าจะมองเห็นเป็นตัวตนหรือไม่
และดูเหมือนว่าช่วงเวลาที่เรียกว่า "คอมพิวเตอร์ที่มองไม่เห็น (Invisible Computer)" นั้น
ได้เกิดขึ้นจริงตามที่ นอร์แมน ระบุไว้ในหนังสือแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น